อาหารแก้เมาค้าง ไทยฮิตก๋วยเตี๋ยวต้มยำ-จีนซดโจ๊ก
เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นโก เว็บไซต์ข่าวท่องเที่ยวของซีเอ็นเอ็น รายงานบทความเกี่ยวกับอาหารที่ช่วยบรรเทาอาการเมาค้างของชาวเอเชียที่นิยม กินกันหลังการดื่มอย่างหนักในช่วงเทศกาลปีใหม่ สำหรับประเทศไทย อาหารที่แก้อาการเมาค้างได้คือ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ
ซีเอ็นเอ็นโกระบุว่า แม้ว่าจะมีการโพสต์ข้อมูลบนโลกออนไลน์ว่า ก๋วยเตี๋ยวผัดขี้เมาจะสามารถแก้อาการเมาค้างได้ แต่จากการสอบถามชาวไทยแล้ว พบว่าผัดขี้เมาจะกินเป็นกับแกล้มในขณะที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ใช่กินหลังจากดื่มแล้ว แต่สิ่งที่นิยมกินกันหลังเมาแล้วคือ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ สามารถบรรเทาอาการเมาค้างได้ เนื่องจากน้ำซุปที่มีรสชาติจัดจ้าน มีเส้นให้เลือกหลายรูปแบบทั้งบะหมี่ เส้นใหญ่ หรือแม้แต่วุ้นเส้น และสามารถหากินได้ตามท้องถนนทั่วไป อีกทั้งยังมีการทำเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วย ที่ทำให้หากินได้ง่ายขึ้น
สำหรับประเทศจีน นิยมกินโจ๊กหลังจากการดื่มอย่างหนัก เนื่องจากเป็นอาหารที่ทานง่ายและเป็นเหมือนน้ำซุปเข้มข้นจะช่วยแก้อาการเมา ค้างได้ เนื่องจากสามารถลดอาการขาดน้ำของผู้ที่ดื่มหนักและยังช่วยลดอาการระคายเคือง ในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย นอกจากนี้ โจ๊กสามารถกลืนได้ง่ายและรสชาติดี โดยโจ๊กในประเทศจีนก็สามารถหากินได้หลากหลายรูปแบบ เช่น โจ๊กไข่เค็ม ไข่เยี่ยวม้า และมีเนื้อสัตว์หลายแบบให้เลือก
ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นนิยมดื่มชาเชียว ได้ทั้งแบบร้อนและเย็น เนื่องจากชาเขียวมีฤทธิ์ในการล้างพิษตับ ช่วยไม่ให้เกิดอาการปวดหัวและคลื่นไส้อาเจียน นอกจากนี้ ยังไม่ค่อยมีผลข้างเคียง สามารถตื่นขึ้นมาทำงานได้โดยไม่กระทบกับหน้าที่การงาน แต่มีคำเตือนว่า ชาเขียวของญี่ปุ่นจะมีกาเฟอีนอยู่ระดับหนึ่ง จะไม่เหมาะสำหรับคนเมาอยากจะนอนหลับ
ส่วนประเทศเกาหลีใต้นิยมกิน "แฮจังกุ๊ก" แปลว่า สตูรักษาอาการเมาค้าง สามารถกระตุ้นสมองในตอนเช้า และยังช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองในกระเพาะอาหารหลังการดื่มได้อีกด้วย ขณะที่ฮ่องกงนิยมดื่มชาโสมเพื่อบรรเทาอาการเมาค้าง สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าและร้านน้ำชาทั่วไป หรือสามารถทำได้เองที่บ้าน โดยหลังจากดื่มเข้าไปจะช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นมากขึ้น
สุดท้ายคือประเทศอินเดีย นิยมดื่มน้ำมะพร้าวสดเพื่อบรรเทาอาการเมาค้าง เนื่องจากมีสารอาหารอยู่มากรวมทั้งโพแทสเซียม จะช่วยบรรเทาอาการขาดน้ำของคนที่ดื่มหนักได้
ที่มา.สำนักข่าวไทย
เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ aectourismthai ดูทั้งหมด
786
views
Credit : aectourismthai
News