องค์กรสิทธิฯประสานเสียงร้องให้ปล่อยตัว14นักศึกษา หลังถูกขังเรือนจำ กลุ่มปชต.ใหม่แถลงสู้ต่อ


เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์การควบคุมตัวนักศึกษาและประชาชน กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่จำนวน 14 คน เมื่อคืนที่ผ่านมา(26 มิถุนายน) โดยศาลทหารกรุงเทพฯได้อนุญาตให้ฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ 13 คน และทัณฑสถานหญิงกลาง จำนวน 1 คน เป็นเวลา 12 วัน ซึ่งจะครบกำหนดฝากขังผัดแรกในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ ส่วนการชุมนุมของนักศึกษาและประชาชนที่มาส่งกำลังใจบริเวณทางเข้าศาลทหาร เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย ซึ่งนักศึกษาแต่ละคนต่างกล่าวปราศรัยพร้อมชื่นชมการตัดสินใจของเพื่อนทั้ง 14 คน ก่อนที่จะร่วมร้องเพลง จุดเทียน และสลายตัวกลับบ้านในเวลา 00.20 น. วันที่ 27 มิถุนายน

 

 

 

ด้านองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศต่างแสดงท่าทีต่อเหตุการณ์นี้อาทิกลุ่มสมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชนและองค์กรฮิวแมนไรท์วอชโดยสมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ออกแถลงการณ์ระบุ เรียกร้องให้ทางการไทยยกเลิกข้อหาและปล่อยตัวนักศึกษาทั้ง 14 คนทันที พร้อมกล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่ภูมิภาคอาเซียนต้องร่วมยืนหยัดเคียงข้างนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในประเทศไทย

 

ขณะที่ฮิวแมนไรท์วอชได้ออกแถลงการณ์ระบุในลักษณะเดียวกันพร้อมกับกล่าวว่าหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศระบุห้ามรัฐบาลใช้ศาลทหารพิจารณาคดีพลเรือนในขณะที่ศาลพลเรือนยังใช้การได้อยู่หลังจากที่คสช.ได้ออกประกาศฉบับที่37ให้โอนคดีความมั่นคงการระดมปลุกปั่นและคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาพิจารณาคดีในศาลทหารแทนศาลพลเรือน

 

ทั้งนี้ ฮิวแมนไรท์ วอช ยังเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกสื่อสารกับรัฐบาลไทยให้ยุติการคุกคามและให้เคารพหลักสิทธิขั้นพื้นฐานตามหลักสากลด้วย

 

ขณะที่เมื่อช่วงเที่ยงวันเดียวกัน(27มิถุนายน 2558) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เปิดเผยว่า ทางเรือนจำได้รับกลุ่มดาวดิน หรือ กลุ่ม ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ที่ถูกจับกุม 14 คน มาควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เมื่อคืนนี้ 13 คน เมื่อตี 1 ที่ผ่านมา ส่วนผู้หญิงอีก 1 คน ถูกส่งตัวไปยังทัณฑสถานหญิงกลาง  ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 13 คน ถูกควบคุมอยู่ที่แดนแดนแรกรับ และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้ตรวจร่างกาย พบว่าบางคนป่วยเป็นหวัด จึงให้พยาบาลดูแลเรียบร้อยแล้ว และกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 13 คน รับประทานอาหารได้ปกติ แต่มีอาการกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับการเรียน และการสอบไปเรียนต่อต่างประเทศ จึงให้เจ้าหน้ากรมราชทัณฑ์ และนักสังคมสงเคราะห์ เข้าไปพูดคุย เพื่อผ่อนคลาย

 

 

 

นายอายุตม์ กล่าวว่า ซึ่งแดนแรกรับจะมีเพียงกิจกรรมทำความสะอาด และยังไม่ได้มอบหมายหน้าที่ใดให้กลุ่มผู้ต้องหารับผิดชอบ ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดที่ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ จะถูกควบคุมที่แดนแรกรับเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนส่งไปยังแดนคุมขังต่างๆ และในวันนี้ทางเรือนจำ เปิดให้กลุ่มญาติ และเพื่อน เข้าเยี่ยมได้ตามปกติ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 15.00 น. ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาสามารถยื่นคำร้องขอประกันตัวได้ตามขั้นตอนกฎหมาย แต่ผู้ที่มาเยี่ยมต้องปฎิบัติตามกฎระเบียบของเรือนจำ

 

ด้าน 1 ในนักศึกษา ที่เดินทางมาเยี่ยมผู้ต้องหา เปิดเผยว่า คาดว่าจะเข้าเยี่ยมได้ประมาณ 12.30 น. เพื่อสอบถามว่าต้องการความช่วยเหลือด้านใดบ้าง แต่เบื้องต้นทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาจะยังไม่ยื่นขอประกันตัว ส่วนความเคลื่อนไหวหลังจากนี้จะต้องหารือกันก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ

 

ต่อมาเวลา 14.30 น. เพื่อน1ในกลุ่มนักศึกษาที่เดินทางมาเยี่ยมเพื่อนนักศึกษาที่ถูกคุมตัวที่เรือนพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ได้เข้าเยี่ยมเพื่อนทั้ง 13 คน แล้ว เบื้องต้นหารือกับกลุ่มผู้ต้องหา ทราบว่าจะมีกลุ่มนักศึกษามาดำเนินการต่อสู้ต่อจากนี้ และจะยังไม่ยื่นขอประกันตัว แต่หากกลุ่มเพื่อนมีมติให้ประกันตัวก็ยินดี และพบว่าผู้ต้องหาบางคนมีอาการกังวลเรื่องความเป็นอยู่ หากถูกแยกขังในแดนต่างๆ ทั้งให้ช่วยเหลือจัดซื้อของใช้ประจำวันให้ ซึ่งเมื่อช่วงเช้าพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ได้มาสอบปากคำ แต่ผู้ต้องหาทั้งหมดปฎิเสธ ไม่ให้การใดๆ เนื่องจากไม่มีทนายความมาด้วย

 

จากนั้นเวลาประมาณ 18.00 น. กลุ่มนักศึกษาประชาธิปไตยใหม่ จัดแถลงข่าวถึงแนวทางการดำเนินการรวมถึงภาพรวมและเป้าหมายใหม่ในอนาคตที่บ้านสวนเงินมีมา มูลนิธิเสฐียรโกเศศ นาคะประทีป ตั้งอยู่ระหว่างซอยเจริญนคร 20-22 แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กทม. โดยมี นางสาวกตัญญู หมื่นคำเรือง นางสาวชนกนันท์ รวมทรัพย์ และนางสาวลลิตา เพ็ชรพวง นักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ยืนยันจุดยืนหลังจากเพื่อนนักศึกษาร่วมกลุ่มถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา

 

 

 

ก่อนเริ่มแถลงตัวแทนกลุ่มแสดงออกด้วยกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ กอดคอหันหลังโชว์กระดาษที่เขียนคำว่า “ประชาชน” พร้อมตะโกนว่า “ประชาชนอยู่เบื้องหลังเรา”

 

จากนั้นกลุ่มนักศึกษาร่วมกันอ่านแถลงการณ์ โดยมีใจความสำคัญยังคงยืนยันขับเคลื่อนขบวนฯกันต่อไป ตามหลักการกำปั้นห้า ประกอบด้วย

1.หลักประชาธิปไตย จะต้องให้พลเมืองทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเสมอหน้าอย่างเท่าเทียมกัน
2.หลักความยุติธรรม ที่จะช่วยลดความขัดแย้งในสังคม ปราศจากสองมาตรฐานในกระบวนการยุติธรรม
3.หลักการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการกำหนดวิถีชีวิตตนเอง รัฐบาลต้องคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็ว
4.หลักสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชน ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนต้องเคารพ รัฐบาลต้องหยุดละเมิดสิทธิประชาชน
5.หลักสันติวิธี คือ การแก้ไขปัญหาทางการเมืองต้องปราศจากการใช้ความรุนแรง หรือการนำมาสู่เงื่อนไขที่ทำให้เกิดความรุนแรง

 

 

 

ทั้งนี้ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ย้ำว่า การเคลื่อนไหวจะกระทำด้วยมือเปล่า เท้าเปล่า และมีเบื้องหลังคือประชาชนผู้รักในสิทธิและเสรีภาพเท่านั้น มิได้มีกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง หรือพรรคการเมืองใดๆแอบแฝงทั้งสิ้น

 

 

 

ขณะที่ตัวแทนกลุ่มนักศึกษาปชต.ใหม่ระบุว่าหลังจากนี้จะมีกิจกรรมต่อ วางแคมเปญเคลื่อนไหวและลงพื้นที่ทำงานร่วมกับประชาชนตามที่ทำอย่างต่อเนื่อง กลุ่มยืนยันว่าจะมีกิจกรรมขับเคลื่อนตามจุดยืนต่อไปแต่ยังไม่เปิดเผยว่าจะดำเนินการเมื่อไหร่

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงแนวทางการพิสูจน์ตัวเองว่าไม่มีกลุ่มการเมืองอยู่เบื้องหลังตัวแทนนักศึกษากล่าวว่า ประชาชนเห็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาที่ทำกิจกรรมมาตลอด ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ให้เห็น และยืนยันว่ากลุ่มที่สนับสนุนเบื้องหลังคือประชาชนทั่วไปที่รักประชาธิปไตยไม่ใช่นักการเมือง

 

ตัวแทนกลุ่มที่มาแถลงยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่สอบถามสภาพของเพื่อนนักศึกษาที่ถูกควบคุมตัวตามหมายศาลทหารโดยตัวแทนที่มาแถลงเปิดเผยว่าเพื่อนทุกคนยังกำลังใจดียิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ขอประกันตัว และมีความสุขดี

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังกลุ่มนักศึกษาประชาธิปไตยใหม่อ่านแถลงการณ์เสร็จสิ้น มีกลุ่มประชาชนที่เรียกตัวเองว่า “ประชาชนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มปชต.ใหม่” อ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้ทางการปล่อยตัวนักศึกษา 14 คน ที่ถูกจับไปเมื่อวานนี้ (26 มิถุนายน) และถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเรียกร้องให้รัฐบาลเคารพความเห็นต่าง

 

 

 

 

 

ส่วนที่สน.ชนะสงคราม วันเดียวกัน น.ส.ศิริกาญจน์ เจริญศิริ อายุ 29 ปี ทนายความจากศูนย์ทนายความสิทธิมนุษยชน และเป็นหนึ่งในทีมทนายความของนักศึกษาทั้ง 14 คนซึ่งถูกจับกุมไปเมื่อเย็นวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่าน  ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำ หลังจากที่พนักงานสอบสวนสน.สำราญราษฎร์นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นภายในรถยนต์ ฮอนด้า รุ่นซีอาร์วี ทะเบียน กค 9966 ยโสธร ที่จอดบริเวณข้างศาลทหารกรุงเทพ ถ.หลักเมือง พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง เพื่อไปตรวจสอบ ประกอบด้วย 1.โทรศัพท์ยี่ห้อโนเกียร์ สีดำ 1 เครื่อง ใส่ไว้ในถุงกระดาษสีน้ำตาลท้ายรถ 2.โทรศัพท์ซัมซุง สีเขียว-ดำ ใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายท้ายรถ 3. โทรศัพท์โนเกียร์ สีชมพู 4.ไอโฟน สีดำ และ 5.ไอโฟน สีขาว โดยรายการที่ 3-5 ใส่ไว้ในถุงกระดาษสีน้ำตาลท้ายรถ

 

 

 

น.ส.ศิริกาญจน์  เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจขอเข้าตรวจค้นภายในรถของตน โดยให้เหตุผลว่าต้องการตรวจสอบหาหลักฐานเกี่ยวกับคดี เพราะในรถคันดังกล่าวมีโทรศัพท์ของนักศึกษาที่ถูกจับกุม แต่ตนไม่อนุญาตให้ตรวจค้นเนื่องจากไม่มีหมายค้น รวมทั้งตนในฐานะทนายความต้องรักษาสิทธิและสมบัติของลูกความ เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจนำแผ่นกระดาษเอ 4 มาปิดประตูรถของตนทั้ง 5 ประตู กระทั่งวันนี้เวลาประมาณ 16.00 น. พนักงานสอบสวนสน.สำราญราษฎร์นำหมายค้นมาขอตรวจค้นรถตนอีกครั้ง พบโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง ซึ่งเป็นของนักศึกษาที่ฝากไว้ จึงตรวจยึดไปตรวจสอบ

 

 

 

ด้าน น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ หนึ่งในทีมทนายความ กล่าวว่า พวกตนยินยอมให้ตรวจค้นรถและนำโทรศัพท์ไปตรวจสอบ แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจคือ เหตุใดตำรวจจึงไม่นำโทรศัพท์ใส่ถุงซีลให้เรียบร้อย แต่กลับนำใส่ถุงซิปรูดธรรมดาและขี่จยย.ออกไปจากที่เกิดเหตุทันที จนเวลาผ่านไปประมาณ 10 นาทีจึงนำโทรศัพท์ทั้ง 5 เครื่องมาคืน แล้วเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงนำใส่ในถุงซีล ซึ่งพวกตนคิดว่าไม่ถูกต้อง อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลบางอย่างในโทรศัพท์ได้  ทั้งนี้พวกตนจะแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กับตำรวจหลังจากที่มีการพยายามจะตรวจค้นและยึดรถของน.ส.ศิริกาญจน์ไว้เมื่อคืน ถือว่าเป็นการกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

 

 

 

ขณะที่พ.ต.อ.สุริยา จำนงโชค พงส.ผทค.สน.สำราญราษฎร์ เปิดเผยว่าเป็นผู้ไปขอหมายค้นและนำหมายค้นไปตรวจค้นรถของน.ส.ศิริกาญจน์ โดยสาเหตุที่ต้องมาลงบันทึกประจำวันและสอบปากคำเบื้องต้นที่สน.ชนะสงครามนั้น เนื่องจากบริเวณที่น.ส.ศิริกาญจน์จอดรถเป็นพื้นที่เขตรับผิดชอบของสน.ชนะสงคราม ทั้งนี้ในส่วนที่เกิดข้อกังขาว่าเหตุใดตำรวจจึงนำโทรศัพท์ใส่ถุงซิปธรรมดาขี่จยย.ออกไปนั้น เพราะตำรวจคนดังกล่าวเข้าใจผิด โดยก่อนหน้านี้มีการตกลงกันว่าจะนำของที่ตรวจยึดได้มาลงบันทึกประจำวันที่สน.ชนะสงคราม แต่ตำรวจคนดังกล่าวเข้าใจคลาดเคลื่อน

 

พ.ต.อ.สุริยา กล่าวว่า ภายหลังได้โทรศัพท์เรียกตัวให้นำโทรศัพท์ทั้งหมดกลับมาใส่ถุงซีลให้เรียบร้อย ณ จุดตรวจค้นแล้ว และพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) และตัวแทนทนายความได้เป็นพยานในการนำโทรศัพท์ที่ตรวจยึดได้ใส่ในถุงซีลปิดอย่างมิดชิด พร้อมลงลายมือชื่อกำกับ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย โดยจะนำส่งพฐ.ตรวจสอบในวันจันทร์ ที่29 มิถุนายน เวลา 13.00 น.ต่อไป

มติชน


uasean

 

เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ chaoprayanews.com ดูทั้งหมด

2320

views
Credit : chaoprayanews.com


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน